ok69 เมื่อค่ายหนังยักษ์ใหญ่ XYZ Pictures ประกาศเปิดตัวภาพยนตร์รักโรแมนติก-ดราม่าเรื่องใหม่ล่าสุด “รักนี้ที่รอคอย” พร้อมเปิดเผยการจับคู่ครั้งประวัติศาสตร์ของสองซูเปอร์สตาร์ขวัญใจมหาชน เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข และ ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ ที่ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน แต่ครั้งนี้จะมาโชว์เคมีสุดพิเศษบนจอเงินเป็นครั้งแรก
โปรเจกต์ยักษ์ที่วงการตั้งตารอ ภาพยนตร์ “รักนี้ที่รอคอย” กำกับโดยผู้กำกับมากฝีมือ เก้ง จิระ มะลิกุล ที่เคยฝากผลงานหนังรางวัลมาแล้วมากมาย โดยเรื่องนี้จะเล่าเรื่องราวของความรักอันลึกซึ้งท่ามกลางชีวิตที่เต็มไปด้วยการทดสอบ เมื่อสถาปนิกหนุ่มผู้มุ่งมั่นกับงาน (เจมส์ จิรายุ) ต้องเผชิญหน้ากับนักเขียนสาวผู้มีมุมมองโลกในแง่ดี (ใหม่ ดาวิกา) ทั้งสองต่างมาจากโลกที่แตกต่าง แต่โชคชะตานำพาให้มาเรียนรู้และเยียวยากันและกัน ok69
เหตุผลที่เลือก “เจมส์ – ใหม่” มาร่วมงานกัน ผู้กำกับเก้ง จิระ เผยว่า “ผมมองหานักแสดงที่สามารถถ่ายทอดความจริงใจและความซับซ้อนของตัวละครได้ เจมส์มีเสน่ห์แบบอบอุ่นแต่ซ่อนความเจ็บปวด ส่วนใหม่มีพลังบางอย่างที่ทำให้คนดูเชื่อในความรักของเธอ การจับคู่ครั้งนี้คือการทดลองที่ผมเชื่อว่าคนดูจะตกหลุมรักทั้งคู่ตั้งแต่ซีนแรก”
นอกจากผู้กำกับแล้ว ทีมโปรดิวเซอร์ยังบอกว่า การคัดเลือกทั้งสองคนถือเป็นกลยุทธ์สำคัญเพื่อเจาะตลาดทั้งไทยและต่างประเทศ เนื่องจากทั้งคู่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก รวมถึงได้รับการยอมรับด้านฝีมือการแสดง ok69th
เบื้องหลังการถ่ายทำ และสถานที่งดงาม การถ่ายทำจะเริ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเลือกโลเคชันสวยงามทั้งในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และจังหวัดชายทะเลทางใต้ เพื่อสื่อถึงการเดินทางและความเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ในเรื่อง ทีมงานยืนยันว่าใช้เทคนิคการถ่ายภาพระดับสากล พร้อมโปรดักชันคุณภาพสูง หวังดันภาพยนตร์ไทยสู่ตลาดนานาชาติ
หลังข่าวเปิดตัวถูกปล่อยออกมา #รักนี้ที่รอคอย พุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์ภายในไม่กี่ชั่วโมง แฟนคลับต่างตื่นเต้นที่ได้เห็นสองซูเปอร์สตาร์มาประกบคู่กันครั้งแรก หลายคนคาดหวังว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่สร้างกระแสใหม่ให้กับวงการหนังไทยและดันมาตรฐานการผลิตให้สูงขึ้น ok69
ภาพยนตร์ “รักนี้ที่รอคอย” มีกำหนดเข้าฉายในช่วง เทศกาลวาเลนไทน์ 2026 และเตรียมเปิดรอบพิเศษให้แฟน ๆ ได้ชมก่อนใครในบางจังหวัด ค่ายหนังเผยว่ากำลังวางแผนโปรโมชันสุดยิ่งใหญ่ ทั้งการจัดแฟนมีตติ้ง และการทัวร์โปรโมตต่างประเทศเพื่อขยายฐานคนดู
เจมส์ จิรายุ กล่าวว่า “ผมตื่นเต้นมากที่ได้ร่วมงานกับใหม่ครับ เคยเห็นผลงานเธอมาตลอดและคิดว่าเธอเก่งมาก เรื่องนี้เป็นบทที่ท้าทายที่สุดเรื่องหนึ่งในชีวิตผม และหวังว่าคนดูจะรู้สึกถึงความจริงใจในทุกฉากที่เราเล่น”
ใหม่ ดาวิกา กล่าวเสริมว่า “การได้เล่นกับเจมส์เป็นอะไรที่ใหม่มากสำหรับเรา (หัวเราะ) เคมีของเราคลิกตั้งแต่วันแรกที่อ่านบท หวังว่าคนดูจะได้ทั้งรอยยิ้ม น้ำตา และความอบอุ่นกลับไปจากหนังเรื่องนี้”
“รักนี้ที่รอคอย” ไม่เพียงแต่เป็นการโคจรมาพบกันของสองซูเปอร์สตาร์ แต่ยังเป็นอีกก้าวสำคัญของวงการภาพยนตร์ไทยที่ต้องการยกระดับมาตรฐานการผลิตและการเล่าเรื่องสู่เวทีโลก เชื่อได้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะกลายเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดของปี 2026 อย่างแน่นอน ( ok69 )
“รักนี้ที่รอคอย” เล่าเรื่องราวของ ภีม (เจมส์ จิรายุ) สถาปนิกหนุ่มมากฝีมือที่อุทิศชีวิตให้กับงานและครอบครัว หลังสูญเสียคนรักเก่าไปอย่างไม่คาดคิด เขากลายเป็นคนเก็บตัวและไม่เปิดใจให้ใคร จนกระทั่งโชคชะตานำพาให้เขาได้พบกับ อลิน (ใหม่ ดาวิกา) นักเขียนสาวที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระและมองโลกในแง่ดี ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ค่อย ๆ เติบโตท่ามกลางอุปสรรค ความแตกต่าง และบาดแผลในอดีต จนนำไปสู่คำถามสำคัญว่า “เราจะให้อภัยหัวใจตัวเองได้หรือไม่ เพื่อรักครั้งใหม่?”
ทีมงานคุณภาพเบื้องหลังโปรเจกต์ หนังเรื่องนี้กำกับโดย เก้ง จิระ มะลิกุล ผู้กำกับระดับตำนานที่เคยสร้างหนังรางวัลอย่าง แฟนฉัน และ The Tin Mine การกลับมาครั้งนี้ถือเป็นการท้าทายครั้งใหญ่ เพราะต้องเล่าเรื่องความรักแบบร่วมสมัยที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่ แต่ยังคงอบอวลด้วยอารมณ์ลึกซึ้ง
ฝ่ายเขียนบทได้ อรุณวดี อังศุสิงห์ นักเขียนบทชื่อดังที่ขึ้นชื่อเรื่องการเขียนบทสนทนาคมคายและกินใจ ทำให้แฟน ๆ คาดหวังว่าบทพูดและสถานการณ์ในหนังจะมีเสน่ห์และตราตรึง
ด้านงานภาพ ได้ผู้กำกับภาพสัญชาติไทยที่มีผลงานระดับนานาชาติอย่าง ภัทรวี ศิริกุล มาเนรมิตภาพสวยงามของสถานที่ถ่ายทำ ทั้งเชียงใหม่ กรุงเทพฯ และชายฝั่งทะเลใต้
ผู้กำกับเก้ง จิระ เผยในงานแถลงข่าวว่า
“ผมมองหานักแสดงที่สามารถถ่ายทอดความจริงใจและความซับซ้อนของตัวละครได้ เจมส์มีเสน่ห์แบบอบอุ่นแต่ซ่อนความเจ็บปวด ส่วนใหม่มีพลังบางอย่างที่ทำให้คนดูเชื่อในความรักของเธอ การจับคู่ครั้งนี้คือการทดลองที่ผมเชื่อว่าคนดูจะตกหลุมรักทั้งคู่ตั้งแต่ซีนแรก”
นอกจากเคมีที่สดใหม่ การประกบคู่ครั้งนี้ยังช่วยขยายฐานแฟนคลับของหนังให้กว้างขึ้น เนื่องจากทั้งเจมส์และใหม่ต่างมีฐานแฟนมหาศาลในไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน เวียดนาม และฟิลิปปินส์
หนังจะเริ่มถ่ายทำในเดือนพฤศจิกายน 2025 ใช้เวลาประมาณ 4 เดือนเต็ม ทีมงานเผยว่าโลเคชันสำคัญมีทั้ง บ้านสไตล์โคโลเนียลในเชียงใหม่, ตึกโมเดิร์นใจกลางกรุงเทพฯ และ ชายหาดเงียบสงบทางใต้ เพื่อสะท้อนพัฒนาการของความสัมพันธ์ตัวละคร ที่เริ่มจากความโดดเดี่ยวไปสู่การเปิดใจและค้นหาความสุขใหม่
ค่าย XYZ Pictures ตั้งเป้ารายได้เปิดตัวมากกว่า 200 ล้านบาท ภายในสัปดาห์แรก พร้อมวางกลยุทธ์โปรโมชันเต็มรูปแบบ ตั้งแต่การปล่อยทีเซอร์ล่วงหน้า 4 เดือน, การจัดแฟนมีตติ้งทั่วประเทศ, ไปจนถึงการทำแคมเปญออนไลน์ใน TikTok และ Instagram เพื่อเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
นักวิเคราะห์ภาพยนตร์เชื่อว่า “รักนี้ที่รอคอย” อาจกลายเป็นหนังรักที่ทำรายได้สูงสุดในรอบทศวรรษ หากกระแสปากต่อปากดี และสามารถดึงผู้ชมวัยทำงานและวัยรุ่นเข้ามาพร้อมกัน
เจมส์ จิรายุ กล่าวว่า
“นี่เป็นบทที่ท้าทายที่สุดในชีวิตการแสดงของผม เพราะตัวละครภีมมีหลายมิติ ทั้งความเจ็บปวดและความหวัง ผมหวังว่าคนดูจะสัมผัสได้ถึงความจริงใจที่เราถ่ายทอด”
ใหม่ ดาวิกา กล่าวเสริมว่า
“ฉันดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับเจมส์ เคมีของเราเข้ากันตั้งแต่วันแรกที่อ่านบท หวังว่าคนดูจะยิ้มและร้องไห้ไปกับเรื่องราวของอลินและภีม”
ทันทีที่มีการเปิดตัวโปรเจกต์ แฮชแท็ก #รักนี้ที่รอคอย และ #JamesMaiTheMovie ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง แฟน ๆ หลายคนแสดงความตื่นเต้น พร้อมคอมเมนต์ว่า “เคมีของคู่นี้คือสิ่งที่วงการหนังไทยรอคอย” บางคนถึงกับทำแฟนอาร์ตและตัดต่อคลิปคู่รักออกมาเรียกกระแสก่อนหนังจะถ่ายทำเสียอีก
“รักนี้ที่รอคอย” ไม่เพียงแต่เป็นการจับคู่ดาราซูเปอร์สตาร์ แต่ยังสะท้อนถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมหนังไทยที่พร้อมก้าวสู่สากล ทั้งด้านโปรดักชัน การตลาด และการเล่าเรื่อง หากหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จตามคาด อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ผลักดันให้หนังไทยกลับมาครองใจผู้ชมทั้งในและต่างประเทศอีกครั้ง
บทภาพยนตร์ “รักนี้ที่รอคอย” ได้แรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริงของนักเขียนบท อรุณวดี อังศุสิงห์ ที่เคยเผชิญกับการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก และกระบวนการเยียวยาหัวใจด้วยการเดินทาง การเขียนบทจึงเต็มไปด้วยความรู้สึกจริงและรายละเอียดชีวิตจริง ทำให้เรื่องราวมีความสมจริงและเข้าถึงหัวใจคนดู
หนึ่งในไฮไลต์ที่ผู้ชมตั้งตารอคือเพลงประกอบภาพยนตร์ ค่าย XYZ Pictures ได้คอนเฟิร์มว่า “แสตมป์ อภิวัชร์” จะเขียนและร้องเพลงหลักให้กับเรื่องนี้ โดยเพลงจะมีชื่อว่า “หัวใจที่รอคอย” และจะปล่อยออกมาก่อนหนังเข้าฉายประมาณ 1 เดือน เพลงนี้จะมี 2 เวอร์ชัน คือเวอร์ชันไทยและเวอร์ชันอังกฤษ เพื่อเจาะตลาดต่างประเทศ
การโปรโมตแบบจัดเต็มทั้งไทยและเอเชีย เพื่อผลักดันหนังไทยสู่ตลาดนานาชาติ ค่าย XYZ Pictures เตรียมกลยุทธ์การตลาดสุดยิ่งใหญ่ ไม่เพียงโปรโมตในไทย แต่ยังร่วมมือกับบริษัทจัดจำหน่ายใน เกาหลี ญี่ปุ่น และเวียดนาม โดยวางแผนจัด Fan Tour พิเศษที่ทั้งเจมส์และใหม่จะเดินสายพบแฟน ๆ ในหลายประเทศ
ในไทยเอง กำลังมีการเตรียม อีเวนต์เปิดตัวรอบปฐมทัศน์ ที่ไอคอนสยาม พร้อมพรมแดงสุดหรูและการถ่ายทอดสดผ่านโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม รวมถึง TikTok และ YouTube เพื่อเข้าถึงแฟนคลับทั่วโลก
การวิเคราะห์กระแสล่วงหน้าและคาดการณ์รางวัล นักวิจารณ์คาดว่า “รักนี้ที่รอคอย” มีโอกาสเข้าชิงรางวัลใหญ่ทั้งในไทยและเทศกาลหนังระดับนานาชาติ เนื่องจากมีองค์ประกอบครบ ทั้งทีมงานคุณภาพ นักแสดงระดับท็อป และบทที่เข้าถึงสากล โดยมีความเป็นไปได้สูงที่จะเข้าชิง สุพรรณหงส์ และ Asian Film Awards ในสาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมและภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
Q: หนัง “รักนี้ที่รอคอย” จะเข้าฉายเมื่อไหร่?
A: กำหนดฉายในวันวาเลนไทน์ ปี 2026
Q: ใครคือผู้กำกับและผู้เขียนบท?
A: ผู้กำกับคือเก้ง จิระ มะลิกุล และผู้เขียนบทคือ อรุณวดี อังศุสิงห์
Q: มีแผนฉายในต่างประเทศหรือไม่?
A: มี โดยเริ่มเจาะตลาดเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี และเวียดนาม ก่อนขยายไปยุโรป
Q: เพลงประกอบจะปล่อยเมื่อไหร่?
A: ปล่อยก่อนฉายประมาณ 1 เดือน โดยแสตมป์ อภิวัชร์ ร้องเพลงหลักของเรื่อง
การยกระดับอุตสาหกรรมหนังไทยสู่สากล “รักนี้ที่รอคอย” ไม่ได้เป็นเพียงภาพยนตร์รักฟอร์มยักษ์เท่านั้น แต่ยังถือเป็นสัญลักษณ์ของความพยายามยกระดับมาตรฐานหนังไทยสู่เวทีโลก โปรเจกต์นี้ใช้ทีมงานระดับสากล ทั้งด้านการถ่ายทำ การตัดต่อ และการทำซาวด์มิกซ์ ซึ่งบางส่วนจะดำเนินการที่สตูดิโอในเกาหลีใต้ เพื่อให้คุณภาพเสียงและภาพเทียบเท่ามาตรฐานหนังเอเชียที่ประสบความสำเร็จระดับนานาชาติอย่าง Parasite และ Your Name
ผู้กำกับเก้ง จิระ ให้สัมภาษณ์ว่า “เราต้องการสร้างหนังที่คนไทยภูมิใจ และสามารถบอกชาวโลกได้ว่า เราก็ทำหนังโรแมนติกที่มีคุณภาพไม่แพ้ใคร การเลือกเล่าเรื่องความรักร่วมสมัยที่มีความจริงใจ จึงเป็นวิธีเชื่อมโยงคนดูทุกวัฒนธรรมเข้าด้วยกัน”
ความคาดหวังด้านรายได้และสถิติ จากการประเมินเบื้องต้นของนักวิเคราะห์ภาพยนตร์ “รักนี้ที่รอคอย” มีโอกาสเปิดตัวด้วยรายได้กว่า 100 ล้านบาท ในสัปดาห์แรก หากโปรโมชันและรีวิวปากต่อปากเป็นไปในทิศทางบวก มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นแท่นหนังไทยรายได้สูงสุดประจำปี 2026 และติดท็อป 5 รายได้สูงสุดตลอดกาลของไทย
ตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะ จีนและฟิลิปปินส์ ถือเป็นตลาดเป้าหมายหลัก เนื่องจากทั้งเจมส์และใหม่มีฐานแฟนคลับจำนวนมากที่ติดตามผลงานซีรีส์และหนังของทั้งคู่มาโดยตลอด
เบื้องหลังฉากสำคัญ (เปิดเผยครั้งแรก) ทีมงานเผยว่ามีฉากสำคัญหนึ่งในเรื่องซึ่งใช้เวลาถ่ายทำถึง 10 วันเต็ม เป็นฉากฝนตกกลางเมืองเชียงใหม่ที่ตัวละครทั้งสองเปิดใจต่อกัน ผู้กำกับต้องการความสมจริงสูงสุด จึงสร้างระบบฝนจำลองผสมกับการถ่ายทำจริงในช่วงฤดูฝน เพื่อให้ภาพและอารมณ์ออกมาลึกซึ้งที่สุด
มุมมองนักวิจารณ์ภาพยนตร์ เว็บไซต์รีวิวชื่อดัง ThaiMovieCritic วิเคราะห์ว่า การประกบคู่ของเจมส์-ใหม่จะสร้างปรากฏการณ์คล้ายกับการจับคู่ “ณเดชน์-ญาญ่า” ในยุคทองของหนังรักไทย แต่เพิ่มความดราม่าที่เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งอาจตอบโจทย์ทั้งผู้ชมสายโรแมนติกและสายเนื้อเรื่องเข้ม
เพลงประกอบ (OST) และซาวด์สกอร์ นอกจากเพลงหลักโดยแสตมป์ อภิวัชร์ ทีมโปรดิวเซอร์ยังยืนยันว่าได้เชิญนักแต่งเพลงฮอลลีวูดชื่อดังที่เคยทำงานกับ Netflix Originals มาร่วมสร้างซาวด์สกอร์ให้หนัง เพื่อให้ดนตรีมีความร่วมสมัยและรองรับการฉายในระดับสากล คาดว่าซาวด์แทร็กจะถูกปล่อยสตรีมมิ่งใน Spotify และ Apple Music พร้อมกันทั่วโลก
การคาดการณ์รางวัล ผู้เชี่ยวชาญด้านภาพยนตร์มองว่า หนังมีศักยภาพลุ้นรางวัล สุพรรณหงส์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และอาจมีสิทธิ์ถูกเสนอชื่อเข้าชิง Asian Film Awards สาขานักแสดงนำยอดเยี่ยมและบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม หากกระแสในตลาดเอเชียตอบรับดี
Q: หนังนี้มีความยาวกี่นาที?
A: คาดว่า 120-130 นาที กำลังเหมาะสำหรับการเล่าเรื่องโรแมนติก-ดราม่าที่เข้มข้น
Q: มีแพลนลงสตรีมมิ่งหรือไม่?
A: หลังจากฉายในโรง 3-4 เดือน คาดว่าจะลงสตรีมมิ่ง เช่น Netflix หรือ Prime Video
Q: เป็นหนังเดี่ยวหรือมีภาคต่อ?
A: ทีมผู้สร้างยืนยันว่าเป็นหนังเดี่ยว แต่เปิดโอกาสสร้างจักรวาลหนังรักหากกระแสดี
Q: มีนักแสดงรับเชิญพิเศษไหม?
A: มีข่าวลือว่ามีนักแสดงรุ่นใหญ่ชื่อดังร่วมรับเชิญ แต่ยังไม่เปิดเผยชื่อ