crab77 ช่างเป็นคอนเทนท์ที่ถอยออกมาใหม่เหมาะเจาะกับช่วงเวลาที่ทวีปยุโรปยังเผชิญหน้ากับปัญหาความเหลื่อมล้ำกับสภาพสังคมที่กำลังถดถอยลงไปเรื่อย ๆ เสียจริง นี่คือผลงานหนังดรามาระทึกขวัญที่จะค่อย ๆ กัดกินคนดูไปทีละเรื่อย ๆ ใน “Delicious โอชะ” ที่มาพร้อมกับไอเดียที่น่าสนใจ แม้ว่ามันอาจจะทับซ้อนกับคอนเทนท์ดังระดับโลกบางเรื่องไปสักหน่อยก็ตาม แต่ก็เป็นการหยิบยืมมาเป็นแรงบันดาลใจที่จัดจ้านด้วยดี crab77
พ่อแม่ลูกชาวเยอรมัน 4 คน จากครอบครัวชนชั้นกลางค่อนข้างมั่งคั่ง ได้เดินทางมายังวิลลาพักตากอากาศทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ที่พวกเขามักจะใช้เวลาด้วยกันในฤดูร้อนทุก ๆ ปี แต่ในปีนี้มันต่างออกไป เมื่อทุกอย่างเริ่มสั่นคลอน หลังจากที่เกิดอุบัตเหตุเฉี่ยวชนหญิงสาวที่ชื่อ ทีโอโดรา ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่พวกเขาจะไว้วางใจให้เธอมาเป็นแม่บ้านชั่วคราว แต่การอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเธอคนนี้ กำลังบั่นทอนความไว้วางใจของสมาชิกในบ้านทีละน้อย และมันค่อย ๆ ซึมลึกไปสู่บ่วงที่้เตรียมไว้ดักรอพวกเขาอยู่ ( crab77 )
นี่คือผลงานการเดบิวต์งานสร้างหนังเรื่องแรกของนักแสดงชาวเยอรมัน “เนล มึลเลอร์-สเตอเฟน” ที่เธอรับหน้าที่กำกับและเขียนบทหนังด้วยตัวเอง ที่นับว่าเริ่มต้นในฐานะคนเบื้องหลักที่ค่อนข้างน่าสนใจดี แม้ว่าจะเป็นหนังเยอรมันแต่ก็สามารถกระจายความครอบคลุมเนื้อหาปัญหาสังคมไปได้ทั่วภูมิภาคเลยทีเดียว ถึงมันอาจจะยังไม่ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบอะไรถึงขั้นนั้น แต่ก็กระตุ้นความสนใจได้เป็นอย่างดี
ก็อย่างที่กล่าวเอาไว้ข้างต้นว่า Delicious เรื่องนี้อาจจะมีกลิ่นอายคล้าย ๆ กับหนังเกาหลีรางวัลออสการ์ อย่าง Parasite เมื่อไม่กี่ปีก่อนอย่างเลี่ยงเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างก็ค่อนข้างมาในรูปแบบและจังหวะเดียวกัน เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ก็มีชั้นเชิงและท่วงท่าที่เป็นเอกลักษณ์ในการนำพาทิศทางเป็นของตัวเอง ไม่ได้เป็นการทำซ้ำหรือก็อปปี้ใด ๆ จากหนังเกาหลีเรื่องดัง
Delicious ก็ยังเต็มไปด้วยลูกเล่นความเป็นหนังจากยุโรป ที่มักจะแฝงสัญลักษณ์และการเปรียบเปรยผ่านทางแวดล้อมต่าง ๆ ภายในหนัง เพื่อให้ผู้ชมนำไปฉุกคิดตีความกันเอาเอง โดยไม่ได้มีการอธิบายปมหรือข้อเท็จจริงอะไรต่าง ๆ อย่างตรงมาสักเท่าไหร่ แต่สัญญะที่หนังใส่เข้ามานั้นก็ถือว่าเป็นโจทย์ที่ไม่ได้ทำให้คนดูเข้าใจยากหรือเข้าไม่ถึงอะไรขนาดนั้น แม้จะแฝงไปด้วยปริศนาอยู่ แต่ก็เชื่อว่าคนดูจะคิดไปในทิศทางคล้ายกัน
บทหนังเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้ดี แต่อาจจะยังไม่ถึงขั้นสุด ก็ยังเต็มไปด้วยช่องโหว่บางส่วนที่ทำให้หนังขาดน้ำหนักและความสมเหตุสมผลไปอยู่ แต่อย่างน้อย ๆ ก็สอดแทรกประเด็นที่ต้องการนำเสนอก็ยังชัดเจนดี มีทิศทางการเล่าเรื่องที่มุ่งมั่นที่จะนำพาผู้ชมไปทีละเรื่อย ๆ แม้ว่าจะค่อยข้างเป็นการใส่ของแบบยั้งมืออยู่ไปสักหน่อย แต่จังหวะก็ยังเหมาะเจาะพอดีอยู่
ทางด้านองค์ประกอบงานสร้างใน Delicious ถือว่าตรงตามมาตรฐานหนังฝั่งยุโรป ที่มักจะใช้ลูกเล่นของแสงมาใช้เป็นเทคนิคเพื่อเล่าเรื่อง ขณะที่มุมกล้องที่เหมือนจะไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ในหลาย ๆ จุดก็สามารถถ่ายทอดสัญลักษณ์เชิงซ้อนควบคู่กับการเล่าเรื่องออกมาได้อย่างแยบยลด้วยดีไม่น้อยเช่นกัน
ขณะที่ไฮไลต์ด้านการแสดง “วาเลรี พัคเนอร์” กับ “ฟาห์ริ ยาร์ดิม” ค่อนข้างนำทีมแอคติ้งได้อย่างน่าพอใจ และยิ่งได้ “คาร์ลา ดิอาซ” มาร่วมเสริมทัพปล่อยพลังทางการแสดงออกมาอีกคน ก็ทำให้พาร์ทแอคติ้งของหนังเรื่องนี้ไปได้ค่อนข้างดี มีเสน่ห์ และสืบสวนนัยยะต่าง ๆ ไปได้ตามเจตนารมย์ที่หนังต้องการจะสื่อสารไปถึงคนดู
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว Delicious เป็นหนังสไตล์เขย่าขวัญที่ใช้การเล่าเรื่องแบบค่อย ๆ เปิดเผยปมทีละน้อยอย่างแสบสันต์ อาจจะไม่ใช่คอนเทนท์ที่สดใหม่อะไร แต่ก็เป็นงานที่สร้างเพลิดเพลินและจอยไปกับเส้นทางของตัวละครต่าง ๆ ว่าจะไปสุดที่ไหน บทหนังใช้ได้แต่อาจจะยังไม่ถึงขั้นคมคาย ประเด็นหลักที่ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมอาจจะยังไม่ชัดแจ้งเท่าไหร่นัก แต่อินเนอร์ที่ฟุ้งกระจายอยู่ในหนังเรื่องนี้ก็นับว่ากระจ่างได้ด้วยดี แม้จะยังไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบอะไรก็ตาม ก็สามารถอิ่มท้องเลียปากได้อยู่