Home |
Play Dirty คือการกลับมาอย่างมีสไตล์ของ เชน แบล็ก (Shane Black) ในฐานะผู้กำกับ/นักเขียนบท ที่พาผู้ชมไปสู่โลกอาชญากรรมที่เต็มไปด้วยการทรยศหักหลังและบทสนทนาที่คมคาย ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของการดัดแปลงชุดนิยาย “Parker” ของ โดนัลด์ อี. เวสต์เลค แต่ถูกตีความในรูปแบบที่เน้นการวางแผนที่ซับซ้อนและการพลิกผันอย่างต่อเนื่อง พาร์คเกอร์ (รับบทโดย มาร์ค วอห์ลเบิร์ก) tuna56 เป็นหัวขโมยผู้เชี่ยวชาญที่ยึดมั่นในกฎของตัวเอง แต่เมื่อถูกหักหลังจนเกือบตาย เขาจึงต้องจัดตั้งทีมใหม่เพื่อทำภารกิจแก้แค้นและปล้นครั้งใหญ่ที่สุด ที่เดิมพันด้วยการเมืองระหว่างประเทศและมาเฟีย New York
แกนหลักของภาพยนตร์คือลายเซ็นการเขียนบทของ เชน แบล็ก ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องการสร้างสรรค์ตัวละครที่มีมิติและบทพูดที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขันร้ายกาจ (Dark Comedy) แบล็กทำงานร่วมกับ ชัค มอนดรี และ แอนโธนี บากาโรซซี ในการดัดแปลงนิยายคลาสสิกให้มีจังหวะที่ทันสมัย แต่ยังคงความคลาสสิกของหนัง นีโอ-นัวร์ (Neo-Noir) เอาไว้ ทีมงานเบื้องหลังยังมีผู้อำนวยการสร้างที่มีประสบการณ์ ซึ่งให้ความสำคัญกับการสร้างฉากแอ็กชันที่ดูสมจริงและเน้นบรรยากาศที่อึมครึมของโลกอาชญากรรม
สิ่งที่ทำให้ PlayDirty โดดเด่นคือการนำนักแสดงฝีมือดีอย่าง ลาคีท สแตนฟิลด์ และ โรซา ซาลาซาร์ มาประกบกับ มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเป็นวงดนตรีรวมดาวที่มีความสามารถหลากหลาย นอกจากนี้ แฟน ๆ ต่างคาดหวังที่จะได้เห็นหนังแอ็กชันที่ไม่ได้เน้นแค่การยิงปืน แต่เน้น การต่อสู้ด้วยสติปัญญา และการวางแผนอันชาญฉลาดที่เป็นหัวใจสำคัญของหนังแนวปล้นที่ดี
เรื่องเริ่มต้นด้วยการปล้นที่ผิดพลาดของ พาร์คเกอร์ ที่ถูกเพื่อนร่วมทีม เซน ทรยศหักหลังจนเพื่อนรักของเขาต้องตาย พาร์คเกอร์รอดมาได้และกลับมาพร้อมกับแผนการที่ใหญ่กว่าและซับซ้อนกว่าเดิม เขาต้องการขโมยสมบัติโบราณ “Lady of Arintero” ที่กำลังถูกขนย้ายโดยมาเฟีย โลซินี เพื่อนำไปขายให้กับเผด็จการ เด ลา พาซ การปล้นครั้งนี้เป็นมากกว่าการแก้แค้นส่วนตัว แต่เกี่ยวพันกับภารกิจลับของเซนในการใช้เงินที่ได้ไปโค่นล้มระบอบเผด็จการในประเทศบ้านเกิดของเธอ ทีมงานที่ไม่น่าไว้วางใจจึงถูกรวบรวมขึ้น โดยแต่ละคนมีเป้าหมายและวาระซ่อนเร้นของตัวเอง
ธีมหลักที่ชัดเจนคือ “ความคลุมเครือทางศีลธรรม” (Moral Ambiguity) หนังตั้งคำถามว่า “ความดี” และ “ความเลว” นั้นถูกกำหนดอย่างไร เมื่อโจรอย่างพาร์คเกอร์ต้องทำตัวเป็นวีรบุรุษโดยไม่ได้ตั้งใจเพื่อต่อต้านมาเฟียที่เลวร้ายกว่า และเซนที่ทรยศเพื่อนเพื่อเป้าหมายที่ “สูงส่ง” กว่า หนังสำรวจความหมายของ ความภักดี และ ความไว้วางใจ ในโลกที่เต็มไปด้วยคนทรยศ
PlayDirty ใช้ดราม่าอย่างมีชั้นเชิงเพื่อสร้างแรงผลักดัน แอ็กชันจึงไม่ใช่แค่การต่อสู้เพื่อความมันส์ แต่เป็นการปะทะกันทางความคิดและการตัดสินใจที่นำไปสู่ผลลัพธ์ที่รุนแรง ความตึงเครียดของฉากเจรจาจึงหนักแน่นไม่แพ้ฉากยิงกัน ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้หนังมีความลึกซึ้งต่างจากหนังแอ็กชันทั่วไป
เคมีระหว่าง พาร์คเกอร์ และ โกรฟิลด์ เป็นหัวใจของความบันเทิงในเรื่อง บทสนทนาที่กระชับและมีการรับส่งมุกตลกที่ยอดเยี่ยมช่วยเสริมให้ตัวละครเหล่านี้ดูมีชีวิตชีวา ส่วนเคมีระหว่าง พาร์คเกอร์ และ เซน เป็นแบบความสัมพันธ์แบบหมาป่าคู่ (Uneasy Alliance) ที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน
ทีมนักแสดงสมทบที่ยอดเยี่ยม รวมถึง โทนี่ ชาลูบ (Lozini) หัวหน้ามาเฟียผู้ฉลาดแกมโกง และ คีแกน-ไมเคิล คีย์ (Ed Mackey) โจรที่มีทักษะเฉพาะตัว ซึ่งทุกคนต่างมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนพล็อตและสร้างสีสันให้การปล้นครั้งนี้มีความวุ่นวายและคาดเดาไม่ได้
ผู้กำกับภาพ ฟิลิปเป รุสเซล็อต สร้างโทนภาพที่ มืดหม่นแต่คมชัด เน้นการใช้แสงจากหลอดไฟนีออนและเงาที่ทอดตัวยาวตามแบบฉบับของหนังนัวร์ การถ่ายทำมีความเคลื่อนไหว แต่ก็ยังคงมุมกล้องที่เน้นสีหน้าและอารมณ์ของตัวละครในช่วงเวลาสำคัญ
การออกแบบฉากไม่ได้หรูหราเกินจริง แต่เน้นความ สกปรกและสมจริง ตามชื่อเรื่อง บรรยากาศของ New York ถูกถ่ายทอดในมุมมองที่เย็นชาและเป็นอันตราย ตั้งแต่สำนักงานมาเฟียที่ดูเรียบง่ายแต่น่าเกรงขาม ไปจนถึงเส้นทางรถไฟที่ใช้ในการขนสมบัติ ฉากเหล่านี้ช่วยเสริมความรู้สึกว่าตัวละครทุกคนกำลังปฏิบัติการอยู่ในโลกที่ไร้ความปรานี
เชน แบล็ก ใช้เทคนิคการ “เล่าเรื่องผ่านบทสนทนา” เป็นหลัก หลายฉากที่น่าเบื่อถูกทำให้สนุกด้วยการปะทะกันของบทพูดที่ตลกและชาญฉลาด นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการเปิดตัวละครที่รวดเร็วและน่าจดจำ ซึ่งเป็นลายเซ็นที่ทำให้หนังของเขาโดดเด่น
แอ็กชันใน PlayDirty มีความ ดิบและดุดัน สูง เน้นที่การต่อสู้แบบมีน้ำหนัก การใช้มีดและการใช้อาวุธระยะประชิดมีความรุนแรงที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงผลลัพธ์ที่ตามมาของการต่อสู้ ทุกการบาดเจ็บมีความหมายและไม่ใช่แค่การแสดงฉากผาดโผน
ฉากไฮไลต์ที่สำคัญที่สุดคือฉาก การปล้นสมบัติบนรถไฟขนขยะอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการรวมเอาความตึงเครียดของการซ่อนตัว การต่อสู้ในพื้นที่จำกัด และการขับรถไล่ล่าที่คาดเดาไม่ได้ ถือเป็นฉากที่แสดงให้เห็นถึงความวุ่นวายและไหวพริบของพาร์คเกอร์ในการเอาชนะแผนการของมาเฟีย
ความแตกต่างคือ “ความมีมนุษย์” ของการต่อสู้ ตัวละครไม่มีเกราะป้องกันความเสียหาย แต่พวกเขาพยายามใช้สมองและสถานการณ์รอบตัวเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ ทำให้ฉากแอ็กชันมีความน่าเชื่อถือและดูสมจริงกว่าหนังฮีโร่ทั่วไป
ดนตรีประกอบภาพยนตร์ถูกประพันธ์ขึ้นมาเพื่อเสริมโทนภาพยนตร์ นีโอ-นัวร์ โดยเฉพาะ มีการใช้เพลงแนว แจ๊ส (Jazz) และ ฟังก์ (Funk) ที่มีการสังเคราะห์เสียงแบบย้อนยุค (Retro-Synth) เพื่อเพิ่มจังหวะความตื่นเต้นและสร้างบรรยากาศของยุค 70-80 ซึ่งเข้ากันได้ดีกับเนื้อหาที่เน้นการปล้น
ซาวด์เอฟเฟกต์มีความสำคัญในการทำให้ฉากต่อสู้มีความหนักแน่น เสียงของการยิงปืน, การชนของรถไฟ, และเสียงหายใจของตัวละครที่เหนื่อยหอบ ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อเพิ่มมิติความสมจริงและความตึงเครียดให้กับผู้ชม
ดนตรีทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวละครที่คอยสะท้อนอารมณ์ของ พาร์คเกอร์ ที่เย็นชาและไม่ไว้ใจใคร เพลงจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอย่างฉับพลันเมื่อการวางแผนผิดพลาด และลดลงเมื่อถึงฉากที่ต้องมีการเจรจาหรือการตัดสินใจที่สำคัญ
PlayDirty โดดเด่นที่บทภาพยนตร์ที่ ชาญฉลาดจนน่าทึ่ง การผสมผสานระหว่างแอ็กชันที่ดุดันกับอารมณ์ขันที่ไม่ประนีประนอมทำให้หนังเรื่องนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ผู้ชมจะประทับใจกับ การหักมุมที่ไม่คาดคิด และความสัมพันธ์ที่คาดเดาไม่ได้ระหว่างตัวละคร โดยเฉพาะแผนการสุดท้ายของพาร์คเกอร์ที่ไม่ได้มีจุดประสงค์แค่การแก้แค้นหรือการปล้น แต่เป็นการทำลายองค์กรอาชญากรรมทั้งหมด
ในยุคที่หนังแอ็กชันเน้นความยิ่งใหญ่ของภาพและเทคนิคพิเศษ PlayDirty กลับไปใช้สูตรสำเร็จของหนังอาชญากรรมที่ดี นั่นคือ ความฉลาดของตัวละคร และ บทสนทนาที่เฉียบคม ทำให้มันรู้สึกสดใหม่และไม่ซ้ำซาก
ผู้ชมที่คุ้นเคยกับหนังแอ็กชันที่ดำเนินเรื่องเร็วตลอดเวลาอาจจะรู้สึกว่า จังหวะของหนังไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากการใส่ช่วงดราม่าและการสนทนาที่ยาวนาน เพื่อสร้างปูมหลังและความซับซ้อนให้กับตัวละคร
ด้วยความยาวที่มากกว่า 2 ชั่วโมง บางส่วนของการวางแผนและรายละเอียดทางการเมืองอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกว่าหนัง ยืดเยื้อ และการสลับฉากไปมาระหว่างเรื่องการปล้นกับการเมืองอาจทำให้โฟกัสของเรื่องราวแกว่งไปมาเล็กน้อย
ความทะเยอทะยานที่จะรวมเอาประเด็นทางการเมืองที่หนักอึ้งเข้ากับโครงเรื่องปล้นที่ตลกร้าย อาจทำให้ โทนของหนังขัดแย้งกันเอง ในบางฉาก จนทำให้ผู้ชมบางกลุ่มรู้สึกไม่แน่ใจว่าควรจะหัวเราะหรือตื่นเต้นดี
สื่อใหญ่ส่วนใหญ่ให้การตอบรับในแง่ บวก โดยชื่นชมว่า Play Dirty เป็นหนังที่สนุกและมีความซับซ้อน ซึ่งถือเป็นความสำเร็จของ เชน แบล็ก ในการดัดแปลงนิยายคลาสสิกให้เข้ากับยุคสมัย การแสดงของ ลาคีท สแตนฟิลด์ ถูกยกย่องเป็นพิเศษ
ผู้ชมทั่วไปชื่นชมการหักมุมและการเดินเรื่องที่คาดเดาไม่ได้ หลายคนระบุว่านี่เป็น หนังแอ็กชันที่ต้องคิดตาม และสนุกกับการติดตามแผนการที่ซ้อนทับกัน
คะแนนรีวิวเบื้องต้นยืนยันว่า Play Dirty ประสบความสำเร็จในฐานะหนังแอ็กชันบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง โดยทำคะแนนได้ดีกว่าหนังแอ็กชันของ มาร์ค วอห์ลเบิร์ก ในช่วงหลังอย่างชัดเจน
หนังใหม่ Play Dirty คือทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ชื่นชอบหนังแนว Heist ที่มีกลยุทธ์เหนือชั้น หนังที่กำกับโดย เชน แบล็ก และหนังอาชญากรรมที่เต็มไปด้วย บทสนทนาที่ชาญฉลาด
ความรู้สึกหลังดูจบคือการได้รับความบันเทิงอย่างเต็มที่จากความตื่นเต้นและอารมณ์ขัน หนังทิ้งให้ผู้ชมต้องครุ่นคิดถึง ความจริงที่โหดร้าย ว่าบางครั้งการกระทำที่ “สกปรก” ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อรักษาความยุติธรรมไว้ในโลกที่เน่าเฟะ
หากคุณกำลังมองหาหนังแอ็กชันที่ผสมผสานความฉลาดเข้ากับความรุนแรงได้อย่างลงตัว และไม่รังเกียจที่จะต้องติดตามพล็อตเรื่องที่มีชั้นเชิง Play Dirty คือหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดในแนวนี้ที่คุณไม่ควรพลาดในปีนี้อย่างแน่นอน