| Home |
Lucy Liu เปิดใจแบบไม่ปิดบังถึงเส้นทางกว่า 30 ปีในฮอลลีวูดที่เต็มไปด้วยอุปสรรคด้านภาพลักษณ์ เธอยอมรับตรง ๆ ว่า “ถ้าฉันเป็นคนผิวขาว ฉันคงมีโอกาสมากกว่านี้” ซึ่งเป็นประโยคที่สั่นสะเทือนไปทั้งวงการบันเทิง ความสำเร็จของเธอใน Kill Bill, Charlie’s Angels หรือ Elementary ไม่ได้มาง่าย เพราะหลังฉากคือการถูกเสนอแต่บทนักฆ่า บทเอเชียลึกลับ หรือบทผู้หญิงแข็งกร้าว ทั้ง ๆ ที่เธอสามารถเล่นดราม่าได้ลึกซึ้งไม่แพ้ใคร จนกระทั่งภาพยนตร์เรื่อง Rosemead ที่กำลังจะฉายในปีนี้ กลายเป็นครั้งแรกที่ Lucy ได้เป็น นักแสดงนำดราม่าเต็มตัว แบบสมศักดิ์ศรี เธอไม่เพียงรับบทแสดง แต่ยังนั่งตำแหน่งโปรดิวเซอร์ เพื่อกำหนดทิศทางหนังด้วยตัวเอง นี่คือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผู้คนมองเห็นว่า Lucy Liu คือหนึ่งในนักแสดงฝีมือจัดจ้านที่ถูกวงการประเมินต่ำมานานเกินไป
หลายคนคิดว่า Lucy Liu หายไปจากวงการเพราะพักงาน แต่ความจริงคือเธอ “ไม่ได้ถูกเลือก” จากผู้กำกับและสตูดิโอหลายแห่งเนื่องจากภาพจำที่ติดตัวมานาน สื่อฮอลลีวูดรายงานตรงกันว่า นักแสดงลูกครึ่งเอเชียยังคงเผชิญกำแพงเรื่องสัดส่วนบทบาท โดยเฉพาะบทดราม่าหนัก ๆ ที่ผู้สร้างมักไว้ให้กับนักแสดงสายรางวัลผิวขาว Lucy ยอมรับว่ามีช่วงหนึ่งที่งานเงียบสนิทจนเธอไม่รู้ว่าจะต้องเดินหน้าต่ออย่างไร แต่แทนที่จะถอย เธอกลับหันไปกำกับซีรีส์ เขียนบท และสร้างงานเบื้องหลังเพื่อพิสูจน์ว่าเธอทำได้มากกว่าแค่บทบาทนักสู้ที่คนคุ้นเคย นี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้โปรเจกต์ Rosemead ถือเป็นโอกาสทองที่เธอไม่ยอมปล่อยผ่าน เพราะมันคือการประกาศกลับมาบนจอใหญ่แบบมีศักดิ์ศรี พร้อมท้าทายวงการที่เคยปิดประตูใส่หน้าเธอ
หลังสัมภาษณ์ของ Lucy Liu ถูกปล่อยออกมา กระแสบนโลกออนไลน์ก็เดือดทันที แฟนคลับเอเชียทั่วโลกต่างขอบคุณที่เธอกล้าออกมาพูดเรื่องการเหยียดเชิงโครงสร้างในอุตสาหกรรมบันเทิง เพราะเธอคือหนึ่งในนักแสดงเอเชียยุคแรก ๆ ที่พา Hollywood ไปเห็นหลากหลายวัฒนธรรม แต่ก็มีอีกฝั่งที่มองว่าการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้อาจทำให้เธอถูกมองว่ากำลัง “โจมตีวงการ” หรือสร้างภาพดราม่าเพื่อโปรโมตหนังใหม่ อย่างไรก็ตาม สื่อระดับโลกอย่าง People, EW และ Variety ต่างออกบทวิเคราะห์ไปในทิศทางเดียวกันว่า คำพูดของ Lucy Liu ไม่ได้สร้างความขัดแย้ง แต่มันคือการสะท้อนความจริงที่ถูกซ่อนมานาน และเป็นจุดเริ่มต้นให้ฮอลลีวูดกลับมาทบทวนเรื่อง Representation อีกครั้ง โดยเฉพาะในยุคที่ผู้ชมต้องการความหลากหลายมากกว่าที่เคย
ภาพยนตร์ Rosemead ถูกจับตามองอย่างหนัก เพราะนี่ไม่ใช่แค่ผลงานใหม่ของ Lucy Liu แต่คือบทบาทชีวิตที่เปรียบเสมือนคำตอบของเส้นทาง 30 ปีในวงการ เธอรับบทเป็นแม่ที่ต้องเผชิญวิกฤตครอบครัวอันซับซ้อน ซึ่งเป็นแนวที่ท้าทายที่สุดในชีวิตการแสดงของเธอ นักวิจารณ์ที่ได้ชมรอบทดสอบต่างบอกตรงกันว่า Lucy ทะลุกรอบเดิม ๆ ไปไกลมาก และอาจมีลุ้นเข้าชิงรางวัลใหญ่อย่าง Golden Globe หรือแม้แต่ Oscar หากกระแสหลังฉายจริงด้านแสดงยังแรงต่อเนื่อง Rosemead จึงอาจกลายเป็นหนังที่ไม่เพียงคืนบัลลังก์ให้เธอ แต่ยังอาจเปลี่ยนมุมมองของทั้งฮอลลีวูดในการให้พื้นที่นักแสดงเอเชียมากขึ้นในอนาคต ความสำเร็จครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวสู่ยุคใหม่ที่ Lucy Liu รอคอยมาทั้งชีวิต ( อ่านเพื่มเติม สถานที่ท่องเที่ยว )