future24 หลังจากที่ตำนานแชมป์ครั้งแรกเรืองรองผ่านไป 29 ปีเต็ม แฮปปี้ กิลมอร์ ได้หวนกลับลงสู่สนามกอล์ฟอีกครั้ง แม้ว่าเขาจะแขวนไม้อย่างเป็นทางการไปแล้วนับทศวรรษ ( future24 ) โดยในครั้งนี้เขากลับมาก็เพื่อหาแรงจูงในการดำรงชีวิตประจำวันเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว หนึ่งในนั้นก็คือการหาเงินจ่ายค่าโรงเรียนสอนบัลเลต์ที่ปารีสให้กับเวียนนา ลูกสาวน่ารักน่าเอ็นดูของเขา ที่การปัดฝุ่นวิชาหวดลูกกอล์ฟครั้งนี้ของเขาต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ ๆ ในวัฒนธรรมการแข่งขันที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ( future24 )
อย่างที่เกริ่นไปแล้วข้างต้นว่า Happy Gilmore 2 ครั้งนี้ ก็ไม่ต่างกับเป็นหนังรวมญาติครั้งสำคัญของหนังชุดนี้ ที่แน่นอนว่าบางส่วนก็โบยบินขึ้นไปนอนเล่นบนฟ้ากันแล้ว แต่อีกส่วนก็ยังเจิดจ้านแม้ว่าพละกำลังจะอ่อนล้าไปแล้วตามวัย ถ้าหากว่าใครเป็นแฟนหนังเรื่องนี้ก็น่าจะเอ็นจอยกับการตามเก็บอีสเตอร์เอ้กแบบรียูเนียนที่สอดแทรกเข้ามาเรื่อย ๆ ตลอดทั้งเรื่อง ที่น่าจะกล้าบอกได้ว่านี่เป็นหนังอีกเรื่องในรอบปีนี้ที่มาการขนกองทัพนักแสดงรับเชิญเอาไว้ได้คับคั่งสุด ๆ เลย
ทีมผู้สร้างก็เป็นคนคุ้นเคยในวงสังคมของอดัม แซนเลอร์ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น “ไคล์ เนวาเช็ก” ที่รู้จักกันดีและร่วมงานกันมายาวนาน ล่าสุดก็เพิ่งจะสร้าง “Murder Mystery” มาด้วยกัน พร้อมกับได้มือเขียนบทหนังต้นฉบับ “ทิม เฮอร์ไลฮีย์” หวนกลับมาปั้นเรื่องราวในภาคต่ออีกครั้ง ร่วมกับ อดัม แซนด์เลอร์ ที่มาช่วยออกแนวความคิดสร้างสรรค์ พ่วงด้วยการแสดงนำและอำนวยการสร้าง เรียกได้ว่าอดัมมาครบทุก ๆ ตำแหน่งในหนังเรื่องนี้อีกเช่นเคย
เอาเป็นว่าในแง่งานสร้างสรรค์และองค์ประกอบงานสร้าง ค่อนข้างไว้วางใจทีมผู้สร้างชุดนี้ได้อยู่ เพราถ้าหากว่าคุณเป็นแฟนหนังของ Happy Madison อยู่แล้ว แน่นอนว่ามุกตลกสไตล์ชายแทร่ต่าง ๆ เป็นอะไรที่ต้องเตรียมใจรับมือ มักก็มีหนังมุกปังบ้างและมุกแป้กบ้างปะปนกันไป แต่มุกต่าง ๆ ก็ถือว่ายังกลมกล่อม ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดไว้แต่อย่างใด กลายเป็นการชุบชีวิตให้กับหนังในตำนานเป็นฉบับอัปเกรดออกมาเก๋ ๆ ด้วยหัวใจที่ฟูฟ่อง แม้ว่าจะไม่สามารถคาดหวังอะไรกับบทหนังไม่ได้เท่าไหร่
Happy Gilmore 2 ก็มากับพล็อตตามสูตรของหนังชุบชีวิตของเก่ามาละเลงใหม่ เป็นการทบทวนและสานต่อลมหายใจให้กับตัวละครที่คิดถึงในช่วงเวลาที่ขาดหายไป แต่สูตรสำเร็จของหนังก็ยังค่อนข้างเวิร์กอยู่ ถึงจะสะเปะสะปะไปอยู่บ้าง แต่อย่างน้อย ๆ หนังยังมีเส้นเรื่องที่แข็งแรงและหนักแน่นดี ผนวกเข้ากับลีลาสไตล์หนังของอดัม แซนด์เลอร์ ที่เต็มไปด้วยมุกตลกสัปดน ลามก และจิกกัด แต่น่าประหลาดใจที่มันหยาบโลนน้อยกว่าที่คิดเอาไว้
อดัม แซนด์เลอร์ ก็ยังคงภาคภูมิใจกับการหวนมารับบทเป็นตัวละครที่เคยสร้างชื่อและสร้างตำนานให้กับเขาอยู่ต่อไปในครั้งนี้ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเกือบ 30 ปี มีแค่เพียงวัยที่โรยราไปเท่านั้นที่ดูจะเปลี่ยนแปลงไป แต่คาแรกเตอร์นี้ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขาไปโดยปริยาย และความเป็นธรรมชาติของเขาก็ยังรังสรรค์ให้บทนี้ได้ขับเคลื่อนไปข้างหน้าต่อไป อาจจะเป็นบทตลกที่ค่อนข้างน่าประทับใจกว่าผลงานในช่วงหลัง ๆ ของเขา
อย่างที่บอกเอาไว้ว่า Happy Gilmore 2 เต็มไปด้วยดารารับเชิญแทบจะครึ่งค่อนวงการได้ คุณไม่ต้องกลัวว่าจะตามไม่ทัน เพราะมันตามไม่ทันแน่ ๆ นอกจากว่าคุณจะเป็นแฟนหนังภาคต้นฉบับมาก่อน ถึงจะเก็ทว่าคนนี้เป็นใคร คนไหนเป็นดารากลับมารับบทเก่าและดาราเสริมเข้ามาใหม่ ทุก ๆ คนมาเป็นสีสันที่กำลังเหมาะเจาะตามสไตล์หนังตลกของ Happy Madison โดยแท้ ไม่ต้องค้นเนื้อหาสาระอะไรให้มาก เพราะทุก ๆ ซีเควนท์ของพวกเขาก็ไม่มีสาระอยู่แล้ว
แต่นี่ประทับใจสุด ๆ ก็คือการมาของพ่อหนุ่มหน้าคมผมหยิก “แบด บันนี่” ที่เข้ามาเสริมเป็นตัวละครใหม่ของภาคนี้ ที่กลายเป็นตัวขโมยซีนได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่ฉากแรกยันฉากสุดท้าย บทที่คิดว่าจะไม่มีอะไร เขากลับสอดแทรกเสน่ห์เอาไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ รวมทั้งตำนานดาราชุดดั้งเดิม อย่าง “คริสโตเฟอร์ แม็คโดนัลด์”, “จูลี โบเวน” และ “เบน สติลเลอร์” ก็คือกิมมิกที่ลงตัวในการเข้าเสริมทัพนักแสดงให้หายคิดถึง พร้อมทั้งตัวหนังเองก็ยังสดุดีถึงทีมนักแสดงดั้งเดิมที่ล่วงลับไปแล้วอีกด้วย
ดังนั้นการกลับมาของ Happy Gilmore 2 ก็ถือว่าโชคดีเหลือเกินที่อาจจะโชคดีและโชคร้ายปะปนกันไป ที่ไม่ได้เป็นหนังเข้าโรงฉาย แน่นอนว่าศักยภาพของหนังก็มีเพียงพอที่จะสามารถทำเงินบนบ็อกซ์ออฟฟิศได้อยู่ แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงอยู่เหมือนกัน การทำออกมาเป็นแค่หนังสตรีมมิงเก็บยอดวิวก็น่าจะลงตัวที่สุด ในยุคที่ใคร ๆ ก็หยิบเอาคอนเทนท์เก่า ๆ ยุค 90s มาทำต่อกันเกลื่อนเมือง และผลลัพธ์ของคัมแบ็กของแฮปปี้ครั้งนี้ก็ค่อนข้างคุ้มค่าอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่คิดว่าจะเป็นหนังตลกสัปดนที่ใจฟูและเพลินได้ขนาดนี้ ถึงจะหาสาระอะไรไม่ได้เท่าไหร่ แต่คุ้มค่าที่หวนกลับมาให้เราหายคิดถึง
ประเภท: ตลก / กีฬา
ผู้กำกับ: ไคล์ เนวาเช็ก
นำแสดงโดย: อดัม แซนด์เลอร์, จูลี โบเวน, คริสโตเฟอร์ แม็คโดนัลด์, แบด บันนี่, เบน สติลเลอร์
ความยาว: 114 นาที
กำหนดฉายในไทย: 25 กรกฎาคม 2025 (ที่ Netflix)
ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.1/10)
การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.0/10)
การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.6/10)
เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰ (7.4/10)
บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6.7/10)