Home
foxxy88 รีวิวหนัง "Kraven the Hunter คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์" รับหน้าที่ปิดจักรวาลแบบ Back to Basic
ข่าวดารา / นักแสดง
foxxy88 รีวิวหนัง “Kraven the Hunter คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์” รับหน้าที่ปิดจักรวาลแบบ Back to Basic
โพสต์เมื่อ 16 มิถุนายน 2025 4:58 pm
158 views โดย netflix movie

foxxy88 รีวิวหนัง "Kraven the Hunter คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์" รับหน้าที่ปิดจักรวาลแบบ Back to Basic
foxxy88 รีวิวหนัง “Kraven the Hunter คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์” รับหน้าที่ปิดจักรวาลแบบ Back to Basic

foxxy88 อยู่ ๆ ก็กลายมาเป็นหนังที่ทำหน้าที่ปิดจักรวาลวายร้ายของไอ้แมงมุมไปโดยปริยาย หลังจากที่สตูดิโอหนังตัดสินใจยุบแผนโปรเจกต์ต่าง ๆ ลงทั้งหมด เพื่อหันไปโฟกัสกับหนังไอ้แมงมุมเรื่องหลักแทน การมาของ “Kraven the Hunter คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์” จึงเป็นทั้งความตื่นเต้นและความกดดันที่ได้รับตำแหน่งปิดตำนานแบบปุบปบ กับจักรวาลหนังที่เชื่อว่าอีกหน่อยก็คงจะถูกลืมเลือนไป foxxy88

จุดเริ่มต้นจากความสัมพันธ์ทางสายใยที่แสนซับซ้อนระหว่างพ่อลูกตระกูลเครเวนนอฟ ที่ได้แปลงเปลี่ยนโชตชะตาของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง นำมาสู่เส้นทางแห่งการชำระแค้นที่นำสู่ผลลัพธ์ที่โหดร้ายเกินกว่าจะคาดคิด แต่มันกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขา เซอร์เก เครเวนนอฟเติบใหญ่มาเป็นนักล่าที่แข็งแกร่ง แต่ก็แฝงด้วยพละกำลังและสัญชาตญาณที่น่าหวาดหวั่นที่สุดในโลกอีกด้วย

“เจ.ซี. แชนดอร์” ผู้กำกับฝีมือดีที่เคยได้เข้าชิงรางวัลออสการ์กับผลงานแจ้งเกิด แต่เขาก็หายไปเลยกับช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา กลับมาครั้งนี้ก็ได้หยิบจับสร้างหนังแอนตี้ฮีโร่ที่น่าจะเป็นงานท้าทายสำหรับเขาไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาเขามักจะถนัดสร้างหนังแนวระทึกขวัญเนื้อหาคม ๆ มากกว่า แต่เมื่อต้องมาจับงานสร้างงานจากคอมิกส์ ก็นับว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างใหม่และแตกต่างจากงานก่อน ๆ ของเขาอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

Kraven the Hunter ถือเป็นการระดมทีมปั้นบทกันไม่ธรรมดาเลย เพราะได้นักสร้างหนังรุ่นใหญ่ “ริชาร์ด เว็งค์” จากหนังไตรภาค The Equalizer มาสังเขปสตอรี่และเนื้อหาของบท โดยที่มี “แมตต์ ฮอลโลเวย์” กับ “อาร์ต มาร์คัม” คู่หูมือเขียนบทจากหนัง Iron Man และ Uncharted มาช่วยตบ ๆ และขัดเกลาบทให้อีกครั้ง ที่กลายออกมาเป็นบทหนังที่เชยสะบัด แม้ว่าจะพยายามสร้างความหนักแน่นและแข็งแกร่งเอาไว้ในโครงสร้างแล้วมากมาย แต่ไม่เกิดประสิทธิผลใด ๆ

ปัญหาหลักของหนังเรื่องนี้เริ่มต้นที่กระดุมเม็ดแรกเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่คาแรกเตอร์ คราเว่น เดอะ ฮันเตอร์ อาจจะไม่ได้ทรงพลังถึงขนาดแผ่ขยายชีวิตของเขาออกมาขนาดนั้น แต่ก็ยอมรับว่าทีมผู้สร้างพยายามบิ้วท์ตัวละครนี้ด้วยปณิธานที่ดี แต่กลับกลายเป็นคอนเทนท์ที่ค่อนข้างจืดชืดสำหรับในยุคนี้ ยุคนี้เต็มไปด้วยการแข่งขันสูงยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในหมวดหนังฮีโร่ ที่อยู่ในช่วงขาตกต่ำอยู่ด้วยซ้ำ เพราะหากว่าเป็นหนังแนวฮีโร่ที่ตอบโจทย์คนดูแค่นิดเดียว ก็หมายถึงหายนะได้เลย

บทหนังและวิธีการเล่าเรื่องของ Kraven the Hunter จึงราวกับว่าพาย้อนกลับไปนั่งดูหนังเมื่อสัก 20 ปีก่อน ช่วงยุคปี 2000s ต้น ๆ ที่จักรวาลมาร์เวลยังไม่เป็นตัวอ่อนเลยด้วยซ้ำ เป็นยุคที่ฮอลลีวูดพยายามดันสร้างหนังฮีโร่ออกมาแบบตามมีตามเกิด หยิบตัวละครนั่นนี่มาวางมาดวาดลวดลายการต่อสู้ของแต่ละคนที่เอกเขนกกันไป ที่ยังเป็นหนังฮีโร่ที่ล่องลอย ไม่มีหลักแหล่งความมั่นคง ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้พาเรากลับไปสู่พื้นฐานอะไรแบบนั้นในตอนนั้นเลย

ในแง่มาตรฐานงานสร้างใน Kraven the Hunter ก็คือว่าผู้กำกับทุ่มเทและโชว์วิสัยทัศน์ในการปั้นความปังในระดับหนังฮีโร่ที่ควรจะมีอยู่ มันยังพบเห็นฉากต่อสู้ตระการตาแบบเด็ด ๆ อยู่บ้าง ถึงแม้ว่าปริมาณของมันจะค่อนข้างไม่สะใจไม่สักหน่อย เพราะกลายเป็นว่าหนังความยาว 2 ชั่วโมงเรื่อง ค่อนข้างเสียงเวลาไปกับการปูเรื่องราวที่ไปเรื่อย ๆ แข็งบ้าง อ่อนบ้าง ปะปนกันไป แต่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยน้ำมากกว่าเนื้อ กลายเป็นหนังฮีโร่อีกเรื่องที่ค่อนข้างขาดสมดุลไปเสียเยอะ

ขณะที่ทีมนักแสดงที่หมายมั่นว่าน่าจะมาเป็นแกนหลักในการช่วยผลักดันและประคับประคองหนังเรื่องนี้ได้ดียิ่งขึ้น แต่ก็อาจจะไม่สามารถพูดแบบนั้นได้เต็มปาก เพราะเอาเข้าจริง ๆ “แอรอน เทย์เลอร์-จอห์นสัน” ก็น่าจะเป็นแค่นักแสดงคนเดียวที่แบกหนังทั้งเรื่องนี้เอาไว้แบบกึ่งมีสติครบถ้วนอยู่ลำพัง เพราะบทหนังเขียนมาเพื่อเน้นในพาร์ทคาแรกเตอร์ของเขาโดยเฉพาะ จึงทำให้โดดเด่นได้ดี ถึงท่วงท่าของเขาจะแอคติ้งแบบเท่ ๆ อารมณ์เหมือนถ่ายแบบอยู่บ่อย ๆ ก็ตามที

นักแสดงรางวัลออสการ์ อย่าง “อารีอานา เดอโบส” กับ “รัสเซลล์ โครว์” ที่เป็นการหยอดใส่เข้ามาแบบไม่เต็มประสิทธิภาพ ทั้งที่พวกเขามีศักยภาพได้มากกว่านี้ ด้วยบทที่อาจจะถ่ายทอดและสร้างมิติให้ตัวละครของพวกเขายังไม่หนักแน่นเพียงพอ กลายเป็นว่าซีนของพวกเขาถ่ายทอดได้เต็มที่ แต่กลับไร้ซึ่งพลังและไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่เลย

ประกอบกับแคสติ้งนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ก็จัดได้ว่าค่อนข้างไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ไม่ว่าจะเป็น “อเลสซานโดร นิโวลา” ในบท เดอะ ริโน หรือจะเป็น “คริสโตเฟอร์ แอบบอตต์” สวมวิญญาณเป็น เดอะ ฟอร์อิเนอร์ ตัวละครของพวกเขาน่าสนใจมาก แต่กลับถูกใส่เอาไว้ไม่ต่างกับตัวประกอบ ไร้มิติ ไร้การพัฒนา จนกลายเป็นบทที่น่าหยุมหัวให้จบไปเร็ว ๆ และ “เฟรด เฮชิงเกอร์” ท้ายที่สุดก็ท่าดีทีเลว เพราะส่งต่อบทไปดียังไง การแสดงของเขาก็ยังแบกบทบาทนี้เอาไว้ได้ไม่ถึง

ดังนั้นในท้ายที่สุดแล้ว โซนี่ พิคเจอร์ส เจ้าของจักรวาลหนังแห่งนี้ก็น่าจะทราบถึงคำตอบนั้นดี ถึงได้ตัดสินใจไม่ดันทุรังไปต่อกับจักรวาลแห่งนี้ เพราะผลลัพธ์ของ Kraven the Hunter ก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนล้าและอาการค่อนข้างฝืนอยู่พอตัวที่จะเดินหมากไปต่อ มันอาจจะไม่ใช่หนังที่ย่ำแย่อะไร เพียงแต่ว่าตลอดทศวรรษที่ผ่านมา หนังฮีโร่ถูกสร้างออกมาเยอะแยะ เกิดมาตรฐานใหม่ ๆ เกิดมากมาย เมื่อหนังกลับไปใช้สูตรเก่าแบบในอดีตอีกครั้ง ถึงมันจะเป็นหนังที่ดูได้สนุกแบบเพลิน ๆ แต่ก็ดันกลายเป็นคอนเทนท์ที่หาจุดพัฒนาการใด ๆ ไม่ได้เลยเหมือนกัน

( foxxy88 )

ค้นหา

YOU MAY HAVE MISSED
รีวิวหนัง "Novocaine มิสเตอร์โคตรคนทรหด" นาธาน..นายไม่เจ็บ แต่คนดูเสวจี๊ดไปหมดแล้ว m4la
ข่าวดารา / นักแสดง
รีวิวหนัง “Novocaine มิสเตอร์โคตรคนทรหด” นาธาน..นายไม่เจ็บ แต่คนดูเสวจี๊ดไปหมดแล้ว m4la
13 มิถุนายน 2025 4:11 pm
รีวิวหนัง "The Order จับตายขบวนการเดนคน" อาชญากรรมขึงขังที่มิอาจไปถึงเวทีรางวัลm4la 
ข่าวเกี่ยวกับหนัง
รีวิวหนัง “The Order จับตายขบวนการเดนคน” อาชญากรรมขึงขังที่มิอาจไปถึงเวทีรางวัล m4la 
7 มิถุนายน 2025 7:42 pm
ข่าวเกี่ยวกับหนัง
ภาพแรกจากกองถ่ายภาพยนตร์ The Flash เผยภาพ ไมเคิล คีตัน ในบท บรูซ เวย์น
22 มิถุนายน 2021 9:53 pm
crab77 Movie Summary Firewall สามารถงดงามได้
ข่าวดารา / นักแสดง
crab77 Movie Summary Firewall สามารถงดงามได้
10 กรกฎาคม 2025 4:37 pm