| Home |
ผู้กำกับหญิงมากฝีมืออย่าง Chloé Zhao กลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง หลังจากให้สัมภาษณ์ถึงโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่อง Hamnet ซึ่งดัดแปลงจากนิยายชื่อดังของ Maggie O’Farrell Zhao เล่าว่าเธอต้องการนำเสนอเรื่องราวแบบละเมียดละไม เน้นอารมณ์และความเชื่อมโยงระหว่างตัวละคร มากกว่าการเล่าแบบดราม่าหนักหรือฉากแฟนตาซีซับซ้อนตามสไตล์ฮอลลีวูดทั่วไป โปรเจกต์นี้ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่สะท้อนตัวตนผู้กำกับชัดที่สุด ด้วยการนำเสนอเรื่องราวครอบครัว ความรัก และการสูญเสียอย่างลึกซึ้ง Zhao เปิดเผยว่าหนังเรื่องนี้คือการกลับมาสู่รากเหง้าของการเล่าเรื่องที่เน้นความรู้สึกและความจริงใจ โดยเธอเชื่อว่าผลงานที่ดีไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่เสมอไป แต่ต้องสะท้อนสภาวะของมนุษย์อย่างบริสุทธิ์ Hamnet จึงถูกคาดหวังว่าจะเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ดราม่าแห่งปีที่จับหัวใจผู้ชมทั่วโลกได้อย่างแน่นอน
ในบทสัมภาษณ์เดียวกัน Chloé Zhao ได้เปิดใจถึงการทำงานของเธอที่เธอเรียกว่า “deeply neurodivergent” ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน Zhao อธิบายว่าการคิดแบบไม่เป็นเส้นตรงของเธอทำให้เธอสามารถมองเห็นความเชื่อมโยงในเรื่องราวที่คนอื่นอาจมองข้าม เธอใช้กระบวนการสร้างงานที่มีทั้งความละเอียดอ่อน การสังเกตสิ่งรอบตัว และการปล่อยให้ตัวละครนำทางเรื่องราวไปสู่ทิศทางที่เป็นธรรมชาติที่สุด เธอยังกล่าวว่า neurodivergence ไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็น “เครื่องมือสร้างสรรค์” ที่ช่วยให้เธอสร้างงานภาพยนตร์ที่แตกต่าง มีมุมมองใหม่ และเข้าถึงอารมณ์มนุษย์ได้อย่างลึกซึ้งกว่าการทำงานแบบดั้งเดิม Zhao เชื่อว่าการยอมรับตัวเองและจังหวะการทำงานที่ไม่เหมือนใคร คือเหตุผลที่ทำให้เธอสามารถสร้างหนังที่เป็นตัวตนของเธอได้เต็มที่โดยไม่ต้องฝืนความคาดหวังของวงการฮอลลีวูด
เมื่อบทสัมภาษณ์ของ Chloé Zhao ถูกเผยแพร่ สื่อบันเทิงและแฟนภาพยนตร์ทั่วโลกต่างออกมาแสดงความชื่นชมในมุมมองและกระบวนการทำงานของเธอ หลายคนยกให้ Zhao เป็นผู้กำกับที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้ เพราะสามารถใช้ความ neurodivergent ของตัวเองสร้างงานที่แตกต่างและกินใจอย่าง Nomadland หรือ Eternals แม้จะเป็นภาพยนตร์คนละประเภทกันก็ตาม กระแสโซเชียลพูดถึงความจริงใจของเธอที่กล้าเปิดเผยตัวตนในวงการที่มักเน้นความสมบูรณ์แบบ แฟนๆ ยังชื่นชม Hamnet จากภาพนิ่งและเบื้องหลังที่ถูกปล่อยออกมา โดยคาดว่าโทนหนังจะมีความละมุน ลึกซึ้ง และสะท้อนความเป็นมนุษย์แบบที่ Zhao ถนัด สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้ความคาดหวังต่อ Hamnet สูงขึ้นและสร้างกระแสสนับสนุนที่แข็งแรงตั้งแต่ก่อนหนังจะฉายเสียอีก
โปรเจกต์ Hamnet อาจกลายเป็นอีกหนึ่งผลงานสำคัญในเส้นทางอาชีพของ Chloé Zhao เพราะเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของเธอในแบบลึกที่สุด ทั้งด้านกระบวนการทำงาน การตีความเรื่องราว และการสร้างมุมมองใหม่ให้กับวรรณกรรมชื่อดัง แฟนๆ คาดหวังว่าหนังเรื่องนี้จะกลายเป็นงานดราม่าที่ตราตรึงใจและนำพา Zhao กลับมาสู่เวทีรางวัลอีกครั้งแบบที่ Nomadland เคยทำไว้ นอกจากนี้ยังมีการจับตาว่า หลังจบ Hamnet เธออาจเริ่มโปรเจกต์ฟื้นคืน Buffy the Vampire Slayer ซึ่งเป็นอีกหนึ่งผลงานที่แฟนทั่วโลกรอคอย ทิศทางที่ Zhao เลือกเดินต่อจากนี้ถูกคาดหวังไว้อย่างสูง เพราะเธอสลักชื่อไว้แล้วว่าเป็นผู้กำกับที่มีมุมมองไม่เหมือนใคร และกล้าที่จะเล่าเรื่องด้วยหัวใจเสมอ ( อ่านเพื่มเติม รถยนต์ )