m4la นี่ก็คือการหยิบเอาปฏิบัติการปราบปรามขบวนการก่อการร้ายกลุ่มไซออนิสต์ครั้งประวัติศาสตร์ในสหรัฐอเมริกามาตีแผ่เป็นหนังดรามาอาชญากรรมที่ขึงขังและดุดัน ออกมาเป็น “The Order จับตายขบวนการเดนคน” ผลงานที่เคยคาดหวังว่าจะมีบทบาทบนเวทีรางวัลในช่วงต้นปี 2025 แต่ทว่าพลังและบารมีของหนังไม่สามารถไขว่คว้าแตะไปถึงจุดนั้นได้ กลายเป็นหนังที่ฉายไปแบบเงียบ ๆ และถูกหลงลืมไปอย่างน่าเสียดาย m4la
ในขณะที่หน่วยงานรัฐยังคงงุนงงและเร่งหาคำตอบเกี่ยวกับคดีปล้นธนาคาร และการปล้นรถหุ้มเกราะที่ทวีความรุนแรงขึ้นในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือของอเมริกา เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง เทอร์รี่ ก็เริ่มเชื่อว่าการก่ออาชญากรรมเหล่านี้ไม่ได้มาจากอาชญากรทั่วไปที่มีแรงจูงใจทางการเงิน แต่เป็นฝีมือของกลุ่มผู้ก่อการร้ายภายในประเทศ ที่ได้อิทธิพลมาจากอาชญากรทรงเสน่ห์ บ๊อบ แมธิวส์ ที่ตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ( m4la )
หนังเรื่องนี้สร้างมาจากเหตุการณ์จริงในปี 1984 การเคลื่อนไหวโดยกลุ่มแนวคิดหัวรุนแรงที่ชื่อว่า ดิ ออเดอร์ ที่มีความคิดที่ต่อต้านรัฐบาล ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือ The Silent Brotherhood ของ เควิน ฟลินน์ กับ แกรี่ เกอร์ฮาร์ดต์ ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 1989 โดยได้ผู้กำกับยอดฝีมือดี “จัสติน เคอร์เซล” มาดูแลงานสร้าง จากการดัดแปลงบทหนังของ “แซ็ก เบย์ลิน” (จาก King Richard) ที่ออกมาเป็นหนังอาชญากรรมสืบสวนคลุกวงในที่ค่อย ๆ คืบคลานเล่าเรื่องอย่าค่อยเป็นค่อยไปในจังหวะที่หวังอยากจะเป็นหนังรางวัล
แต่เอาจริง ๆ แล้ว The Order เรื่องนี้ก็ค่อนข้างมีองค์ประกอบครบครันที่จะก้าวไปเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มหนังรางวัลได้สบาย ๆ แต่น่าเสียดายที่พลังรอบตัวหนังเรื่องนี้ไม่สามารถส่งไปได้ถึงจุดนั้น ซึ่งถ้าจะให้เล่าถึงกระบวนส่งหนังไปสู่สายรางวัลสักเรื่องอาจจะเป็นบทความที่ยาวไปสักหน่อย สรุปแค่ว่าหนังไม่มีสตูดิโอใหญ่ ๆ ซื้อสิทธิ์ไปจัดจำหน่ายให้ พลังจากค่ายหนังเล็ก ๆ ก็ไม่เพียงพอที่จะผลักดันหนังสู่แคมเปญรางวัลได้อย่างทรงอิทธิพล นี่จึงกลายเป็นอีกหนึ่งคอนเทนท์ดี ๆ ที่พลาดรางวัลไปเพราะพลังไม่เพียงพอ
เพราะงานสร้างของผู้กำกับ จัสติน เคอร์เซล ที่ถือว่าใช้ได้ทีเดียว นี่คือการใช้มุมมองและประสบการณ์ที่เคยได้มาจากการทำหนังอินดี้และหนังบ็อกซ์บัสเตอร์มาแล้ว มาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะเจาะ ถึงแม้ว่าวิถีการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้จะค่อนข้างเนิบช้าและอาจจะชวนเบื่อไปสักหน่อยในช่วงการปูเรื่องครึ่งแรก แต่ก็สามารถจุดประกายไฟโชติช่วงได้ดีในช่วงครึ่งหลัง เมื่อหนังได้ทำการเปิดโหมดล่าอย่างเป็นทางการ กลายเป็นหนึ่งในหนังตำรวจไล่ผู้ร้ายที่ค่อนข้างเข้มข้นจัดจ้านอีกเรื่องเลย
บทหนังของแซ็ก เบย์ลิน ก็ถือว่าค่อนข้างแบ่งแอร์ไทม์ของตัวละครได้อย่างน่าพอใจ ให้น้ำหนักการเล่าเรื่องจากทั้งสองฝ่ายสองมุมมองได้กำลังพอดี ทำให้เราได้เห็นการเคลื่อนไหวของตำรวจและจองผู้ร้ายได้ควบคู่กันไปอย่างทัดเทียมกัน ขณะที่งานถ่ายภาพของ “อดัม อาร์คาพาว” ที่เคยร่วมงานกับผู้กำกับผู้นี้มาหลายเรื่อง ก็ยังถ่ายทอดหนังผ่านภาพได้อย่างจัดจ้านลงตัวด้วย กับอีกไฮไลต์ที่น่าสนใจก็คือเพลงประกอบที่ได้ “เจด เคอร์เซล” พี่ชายของผู้กำกับมารับหน้าที่สร้างซาวน์ในหนังได้อย่างลุ่มลึกไม่น้อยเลย
แน่นอนว่าทีเด็ดของ The Order เรื่องนี้ก็คือทีมนักแสดงระดับตัวเป้ง ๆ ทั้งนั้น นำมาโดย “จู๊ด ลอว์” ที่ต้องบอกว่านี่น่าจะเป็นการกลับมาเล่นหนังสายเฉียดรางวัลของเขาในรอบนับสิบปีได้ และเขาก็ยังรับมือกับบบาทที่ได้รับงานเป็นมืออาชีพ ถ่ายทอดผ่านอินเนอร์ทางการแสดงที่นุ่มลึกและเย็นยะเยือกน่าค้นหา ถึงแม้ว่าตัวหนังจะไม่ได้มีช่องให้เขาได้อธิบายภูมิหลังของตัวละครนี้สักเท่าไหร่นักก็ตาม แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแบกหนังเรื่องนี้เอาไว้หมายมั่น
เมื่อมาผนวกกับการแสดงอันแสนสุขุมของ “นิโคลัส เฮาลต์” ที่อยู่ขั้วตรงข้าม มิติของบทต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเทไปอยู่ที่เขา และเขาก็สามารถรับมือกับมันได้ดี สมกับเป็นอดีตดาราเด็กที่ประสบการณ์เหลือหลายมาเกือบ 20 ปีจริง ๆ ยิ่งมารวมทีมสมทบกับ “ไท เชอร์ริแดน”, “เจอร์นี สมอลเล็ตต์” และ “แอลิสัน โอลิเวอร์” ยิ่งช่วยยกระดับหนังที่อึน ๆ หน่วง ๆ เรื่องนี้ดูมีสีสันขึ้นเป็นกอง
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว The Order จับตายขบวนการเดนคน ก็เป็นหนังดรามาอาชญากรรมรสชาติที่เข้มข้นเรื่องหนึ่ง ที่หยิบเอาเหตุการณ์จริงมาขึ้นจอ ซึ่งมีองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ค่อนข้างดีอย่างน่าพอใจ แต่น่าเสียดายที่หนังไม่สามารถฝ่าด่านเข้าสู่กลุ่มหนังรางวัลในรอบปีที่ผ่านมาได้ อาจจะเพราะปัจจัยเสริมอื่น ๆ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือหนังที่จัดได้ว่าน่าดูชมอีกเรื่องหนึ่ง ลีลาอาจจะไม่จัดจ้านฉึบฉับมีเสน่ห์มากนัก แต่เนื้อแท้ของหนังเรื่องนี้ก็หนักแน่นและซ่อนความทรงพลังเอาไว้อยู่ไม่น้อยเลย
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง The Order จับตายขบวนการเดนคน
ประเภท: ดรามา / อาชญากรรม / ระทึกขวัญ
ผู้กำกับ: จัสติน เคอร์เซล
นำแสดงโดย: จู๊ด ลอว์, นิโคลัส เฮาลต์, ไท เชอริแดน, เจอร์นี สมอลเล็ตต์
ความยาว: 114 นาที
กำหนดฉายในไทย: 30 มกราคม 2025 (ในโรงภาพยนตร์) | 27 กุมภาพันธ์ 2025 (ที่ Prime Video)